เมื่อเดินทางมาถึงเดือนมิถุนายน หลายคนอาจได้เห็นเทศกาล Pride Month หรือเทศกาลไพรด์จัดขึ้นในทั่วทุกมุมโลก รวมถึงประเทศไทยที่มีการจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศในทุกๆ ปี โดยมีทั้งการเดินพาเหรด การแสดง และจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย ซึ่งปี 2567 ก็นับอีกหนึ่งปีที่สำคัญสำหรับชาว LGBTQIAN+ ในไทย เนื่องจาก ป.พ.พ. มาตรา 1448 หรือ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้วนั่นเอง เพื่อเฉลิมฉลองความเท่าเทียมทางเพศ มาย้อนความดูกันว่า Pride Month คืออะไร? มีต้นกำเนิดมาจากไหน? แล้วธงสีรุ้งนั้นมีความหมายว่าอย่างไร? Pride Month คืออะไร? การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของเพศที่สามอย่าง เกย์ เลสเบี้ยน และเพศทางเลือกอื่นๆ นั้นมีประวัติยาวนานหลายยุคหลายสมัยในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรปและอเมริกาในยุค 1960s ที่สังคมยังไม่เปิดรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ ส่งผลให้มีการปฏิบัติต่อกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศด้วยความไม่เป็นธรรม หลายคนต้องปิดบังตัวตนของตัวเอง ถูกเลือกปฏิบัติ หรือแม้กระทั่งจะถูกไล่ออกจากบ้านของตน โดยจุดเริ่มต้นของ Pride Month คือ เหตุจลาจลสโตนวอลล์ (Stonewall Riots) เมื่อปี 1969 โดยในขณะนั้น …

Pride Month คืออะไร มีที่มาจากไหน ทำไมต้องธงสีรุ้ง
Share the information
Pride Month คืออะไร มีที่มาจากไหน ทำไมต้องธงสีรุ้ง

เมื่อเดินทางมาถึงเดือนมิถุนายน หลายคนอาจได้เห็นเทศกาล Pride Month หรือเทศกาลไพรด์จัดขึ้นในทั่วทุกมุมโลก รวมถึงประเทศไทยที่มีการจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศในทุกๆ ปี โดยมีทั้งการเดินพาเหรด การแสดง และจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย ซึ่งปี 2567 ก็นับอีกหนึ่งปีที่สำคัญสำหรับชาว LGBTQIAN+ ในไทย เนื่องจาก ป.พ.พ. มาตรา 1448 หรือ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้วนั่นเอง

เพื่อเฉลิมฉลองความเท่าเทียมทางเพศ มาย้อนความดูกันว่า Pride Month คืออะไร? มีต้นกำเนิดมาจากไหน? แล้วธงสีรุ้งนั้นมีความหมายว่าอย่างไร?

Pride Month คืออะไร?

การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของเพศที่สามอย่าง เกย์ เลสเบี้ยน และเพศทางเลือกอื่นๆ นั้นมีประวัติยาวนานหลายยุคหลายสมัยในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรปและอเมริกาในยุค 1960s ที่สังคมยังไม่เปิดรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ ส่งผลให้มีการปฏิบัติต่อกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศด้วยความไม่เป็นธรรม หลายคนต้องปิดบังตัวตนของตัวเอง ถูกเลือกปฏิบัติ หรือแม้กระทั่งจะถูกไล่ออกจากบ้านของตน

โดยจุดเริ่มต้นของ Pride Month คือ เหตุจลาจลสโตนวอลล์ (Stonewall Riots) เมื่อปี 1969 โดยในขณะนั้น “บาร์เกย์” อย่าง Stonewall Inn ในนครนิวยอร์ก ถูกตำรวจตรวจค้นบาร์ แต่มีการเลือกปฏิบัติและจับกุมผู้ใช้บริการที่เป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ทั้งทรานส์ เกย์ และอื่นๆ ในคืนของวันที่ 28 มิถุนายน 1969 อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศนั้นไม่ยอมจึงขัดขืนต่อการเลือกปฏิบัติ จนสุดท้ายเหตุการณ์บานปลายจนตำรวจต้องใช้ความรุนแรงในการปราบปราม ต่อมา เหตุจลาจลดังกล่าวได้กลายมาเป็นชนวนสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียม โดยมีผู้เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่การเดินขบวนประท้วง เดินพาเหรด และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สื่อถึง “Pride” หรือความภาคภูมิใจในตัวเอง ซึ่งได้ขยายไปยังเมืองอื่นในสหรัฐ และกระจายไปทั่วโลก

เหตุจลาจลสโตนวอลล์ ทำให้วันที่ 28 มิถุนายนของทุกปีกลายเป็นวันที่โลกร่วมรำลึกเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งขยายออกไปในวงกว้างจนกลายเป็นการเรียกร้องต่อเนื่องยาวนานตลอดเดือน และกลายเป็น Pride Month ที่เรารู้จักกันในที่สุด

LGBTQIAN+ เพศวิถีอันหลากหลายในปัจจุบัน

คำว่า LGBTQIAN+ เป็นคำที่หลายคนคุ้นเคยกันในปัจจุบัน โดยจริงๆ แล้วอักษรแต่ละตัวนั้นเป็นคำย่อของเพศวิถีที่หลากหลาย ซึ่ง + สื่อถึงความหลากหลายทางเพศ โดยคำย่อแต่ละคำมีความหมายดังนี้

  • L – Lesbian: เลสเบี้ยน หมายถึง ผู้หญิงที่ชื่นชอบผู้หญิงด้วยกัน
  • G – Gay: เกย์ คือ บุคคลที่ชื่นชอบบุคคลที่มีเพศและรสนิยมทางเพศตรงกับตนเอง ซึ่งในสังคมไทย มักหมายถึงผู้ชายที่ชื่นชอบผู้ชายด้วยกัน แต่จริงๆ แล้วจะเป็นเพศใดก็ได้
  • B – Bisexual: ผู้ที่ชื่นชอบทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม
  • T – Transgender: ผู้ข้ามเพศ คือ คนที่มีเพศสภาพและเพศกำเนิดไม่สอดคล้องกัน รวมถึงผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ
  • Q – Queer: เควียร์ คือ คำนิยามกว้างๆ ของผู้ที่ไม่มีกรอบที่กำหนดเรื่องเพศ หรือก็คือ มีเพศลื่นไหล ไม่ได้จำกัดกรอบว่าตนจะต้องชอบเพศไหน
  • I – Intersex: ผู้ที่ไม่สามารถระบุเพศของตัวเองได้อย่างชัดเจน ซึ่งมีทั้งคนที่เกิดมามีอวัยวะสืบพันธุ์ของทั้งสองเพศ ปริมาณฮอร์โมนหรือโครโมโซมเพศที่ผิดปกติ หรือแม้กระทั่งลักษณะด้านอื่นที่ค่อยๆ ปรากฏเมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ ทั้งนี้ ชาวอินเตอร์เซ็กส์ก็สามารถมีอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลายได้เหมือนบุคคลทั่วไป
  • A – Asexual: คือ ผู้ที่ไม่ฝักใฝ่ทางเพศ ไม่มีแรงดึงดูดทางเพศต่อบุคคลอื่น
  • N – Non-Binary: หมายถึงอัตลักษณ์ทางเพศหรือการแสดงออกทางเพศที่นอกเหนือการจัดหมวดหมู่ชาย-หญิงทั่วไป

ธงสีรุ้ง สัญลักษณ์ของความหลากหลายทางเพศ

ธงสีรุ้ง สัญลักษณ์ของความหลากหลายทางเพศ

ธงสีรุ้ง อันสดใสที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ประจำ Pride Month นั้นถูกออกแบบขึ้นเมื่อปี 1978 โดย กิลเบิร์ต เบเกอร์ (Gilbert Baker) ศิลปินชาวอเมริกันและนักขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนของเกย์ โดยแรกเริ่มธงนี้มีด้วยกันทั้งหมด 8 สี ได้แก่

  1. สีชมพู (Hot Pink) หมายถึง เพศ
  2. สีแดง หมายถึง ชีวิต
  3. สีส้ม หมายถึง การเยียวยา
  4. สีเหลือง หมายถึง แสงอาทิตย์
  5. สีเขียว หมายถึง ธรรมชาติ
  6. สีฟ้า (Turquoise) หมายถึง เวทมนตร์และศิลปะ
  7. สีน้ำเงินม่วง หมายถึง ความสามัคคี
  8. สีม่วง หมายถึง จิตวิญญาณอันแน่วแน่ของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ

ซึ่งธงสีรุ้งนี้ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของชาว LGBTQIAN+ ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 1978 แม้ต่อมาจะมีการลดจำนวนสีลงเหลือ 6 สี โดยตัดสีชมพู Hot Pink และสีฟ้า Turquoise ออก เนื่องจากเป็นสีที่ยากต่อการผลิต แต่อย่างไรก็ตาม ความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIAN+ ยังคงอยู่เหมือนเช่นเคย

สร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง เป็นตัวเองในแบบที่ต้องการกับเมดคอนซัลท์คลินิก

ไม่ว่าคุณจะเป็น LGBTQIAN+ ที่กำลังฉลอง Pride Month หรือเพศไหนๆ ก็สามารถเป็นตัวเอง เปิดเผยตัวตนได้อย่างภาคภูมิใจ เพราะที่เมดคอนซัลท์คลินิก (MedConsult Clinic) เราพร้อมสนับสนุน ดูแลเรื่องสุขภาพแบบองค์รวมอย่างครบวงจร ตั้งแต่บริการให้คำปรึกษา ตรวจสุขภาพทั่วไป การฉีดวัคซีน สุขภาพจิต สุขภาพทางเพศ รวมไปถึงบริการเสริมความงามอย่าง โปรแกรม Weight Loss ลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย การฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหม ฟิลเลอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย

เรามีแนวทางการดูแลรักษาสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Approach) ซึ่งมีการปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมกับความต้องการและเป้าหมายของคนไข้โดยเฉพาะ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน ไปจนถึงการดูแลหลังการรักษา เพื่อทุกท่านมั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

ติดต่อเรา